วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มาร์ชแมลโลว์ “ความสุข”… คุณรอได้ไหม?

 

   ในปี 2503  ดร.วอลเตอร์ มิสเชล (Dr.Walter Mischel)  ผู้เชี่ยวชาญทางด้านทฤษฎีจิตวิทยา ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับทฤษฎีจิตวิทยา โดยได้ทดลองกับเด็กอายุ 4 ขวบเป็นจำนวนมาก โดยเขาให้ชื่อในการทดลองในครั้งนั้นว่า “การทดลองมาร์ชแมลโลว์ (The Marshmallow Experiment)”  มาร์ชแมลโลว์ ในที่นี้หมายถึง ขนมสำหรับเด็กๆโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยมสีขาวคล้ายๆก้อนสำลี เมื่อเคี้ยวลงไปจะรู้สึกนุ่มและหวาน จึงทำให้เด็กๆชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง

     ดร.มิสเชล ได้เริ่มทำการทดลองโดยให้เด็กๆอายุประมาณ 4 ขวบหลายคนเข้าไปรวมกันในห้องๆหนึ่ง จากนั้น ดร.มิสเชลก็นำขนมมาร์ชแมลโลว์ออกมาจำนวนมากออกมาให้เด็กๆได้เห็นกัน แล้วเขาก็เริ่มบอกกับเด็กๆว่า “ตอนนี้พวกเราก็มีมาร์ชแมลโลว์ที่จะได้ทานกันแล้ว แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้ทาน เราก็มีกติกากันว่า ผมจะให้มาร์ชแมลโลว์ทุกคนคนละหนึ่งชิ้น ทุกคนสามารถที่จะทานมันได้เลย แต่หากใครสามารถรอคอยอีก 15 นาที ผมก็จะให้มาร์ชแมลโลว์เพิ่มอีกหนึ่งชิ้น” จากนั้น ดร.มิสเชลก็เดินออกไปจากห้อง

     ในห้อง… เริ่มต้นจากไม่มีเด็กคนใดทานมาร์ชแมลโลว์ที่มีชิ้นเดียวของตนเองเลยแม้แต่คนเดียว เพราะอยากจะรออีก 15 นาทีเพื่อที่จะได้มาร์ชแมลโลว์เพิ่มอีกชิ้นหนึ่ง แต่จากนั้น..เด็กคนแรกก็เริ่มหยิบมาร์แมลโลว์ของตนเอาเข้าปาก เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มทานมาร์ชแมลโลว์ไปแล้ว ก็มีเด็กอีกหลายคนทำตาม อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมทานมาร์ชแมลโลว์ตามเพื่อน เด็กกลุ่มนี้กลับยอมรอคอยอีก 15 นาที เพื่อที่จะได้รับมาร์ชแมลโลว์เพิ่มขึ้นอีกชิ้นหนึ่งเสียก่อน ในที่สุดการทดลองก็ได้จบลง แต่การศึกษาวิจัยกลับไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น…

      หลังจากนั้นอีกหลายสิบปีต่อมา  ดร.มิสเชลก็ได้เชิญเด็กทั้งกลุ่มกลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในเวลานั้นเด็กแต่ละคนได้กลายไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีเข้าไปแล้ว จากนั้นจึงสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตและความสำเร็จในชีวิตที่ผ่านมา  ซึ่ง ดร.มิสเชล พบว่า เด็กกลุ่มที่ยอมรอคอยอีก 15 นาที ส่วนใหญ่ได้กลายไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถในการควบคุมตัวเอง (Self-Control) สูง และมีนิสัยที่สามารถรอคอยความสุข (Delayed Gratification) ได้ นอกจากนั้นความสามารถในการควบคุมตัวเองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเด็กๆนั้น ก็ยังคงติดอยู่ในตัวเด็กมาตลอดจนกระทั่งเขาเติบใหญ่ อาจจะเป็นด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้เด็กกลุ่มที่รอคอยอีก15 นาทีได้ จะมีปัญหาในการดำรงชีวิตน้อยกว่า และประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าเด็กกลุ่มที่รอคอยไม่ได้

        มาถึงจุดนี้…  ผมอยากสรุปเคล็ดลับง่ายๆที่เราได้เรียนเพิ่งจะได้เรียนรู้มาจากเด็กๆที่มีอายุเพียงแค่ 4 ขวบเท่านั้น และเคล็ดลับนี้จะสามารถนำพาคุณผู้อ่านไปสู่ความสำเร็จได้ นั่นคือ  “ความสุข”… คุณรอได้ไหม?   (Delayed Gratification)

      ในบทความเรื่อง “Should You Live Below Your Means?”  แปลตามความได้ว่า “คุณควรจะใช้ชีวิตต่ำกว่ามาตรฐานความเป็นอยู่ของคุณหรือไม่?”  ที่แต่งโดยภรรยาสุดที่รักของโรเบิร์ต คิโยซากิ นักเขียนด้านการเงินชื่อก้องโลกที่มีชื่อว่า คิม คิโยซากิ (Kim Kiyosaki) นั้น  คิมได้ยกตัวอย่างของชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตสูงกว่ามาตรฐานความเป็นอยู่ของตนมาตลอดชีวิต เขาคนนั้นมีชื่อว่า… เควิน

      เควิน เมื่อเขายังมีอายุไม่มากนัก เขาเป็นคนที่มีรายได้สูง เขาจึงชอบทานอาหารในภัตตาคารแพงๆ ดื่มไวน์ราคาสูงกับสาวๆสวยๆ ขับรถสปอร์ตหรู และอาศัยอยู่ในแมนชั่นที่ติดกับชายหาดมาลิบูในฮาวาย ต่อมาเมื่อเควินมีอายุมากขึ้น เขาก็เริ่มประสบปัญหามากขึ้น เพราะรายได้ของเขาเริ่มลดลง ขณะที่นิสัยการใช้จ่ายเงินมากของเขายังเหมือนเดิม สิ่งของที่เขาใช้รอบตัวเขาล้วนแล้วแต่มาได้ด้วยการกู้เงิน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถยนต์ อื่นๆ  บัตรเครดิตทุกบัตรวงเงินเต็ม..ไม่สามารถรูดได้อีกต่อไปแล้ว แต่ความอยากใช้ชีวิตหรูหราเหมือนเดิม..ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเขาจึงเริ่มหยิบยืมเงินจากเพื่อนฝูงเพื่อให้คุณภาพการใช้ชีวิตที่หรูหราของเขา..ไม่ลดลง โดยเขาบอกกับทุกคนว่า “มันเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นเอง”

      แต่แล้ว… เควินก็พบว่า มันไม่ได้เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น เควินยังคงอยากที่จะใช้ชีวิตเกินตัวอยู่ เขาจึงต้องหาเงินเข้ามาเป็นจำนวนมากๆ เควินจึงตัดสินใจมุ่งเข้าสู่การเล่นพนัน และการพนันก็ได้ทำให้ตัวเขา..หมดตัว หลังจากที่เขาหมดตัวก็มีคนมาเสนองานให้ทำ แต่เควินก็ปฎิเสธไป เพราะเขาคิดว่า “ในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม”

      ทุกวันนี้ บ้านที่สวยงามของเควินได้ถูกยึดไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ก็คือ เควิน ภรรยาของเขา และลูกของเขาทั้ง 3 คนได้กลายไปเป็นคนไร้บ้านไปแล้ว เขาและครอบครัวของเขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านของญาติ ตอนนี้เควินอายุได้ 65 ปีแล้ว สิ่งที่เควินได้ทำให้คิมประหลาดใจก็คือ เขายังคงคิดต่อไปว่า.. สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขานี้…มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

      การเปลี่ยนวิธีคิด…ให้รอคอยความสุขได้ หรือ การใช้ชีวิตให้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น ก็จะทำให้มีเงินออมเหลือมากขึ้น ซึ่งจะนำไปเป็นพลังในการแสวงหาเม็ดเงินก้อนใหม่ได้มากขึ้น

     คุณผู้อ่านล่ะครับ..  เปลี่ยนวิธีคิดให้ตัวเอง…รอคอยความสุข  ได้หรือยังครับ?

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ตัวชี้วัดความสำเร็จต้นทางที่สามารถทำนายอนาคตของคุณได้


“ดัชนีตัวชี้วัดความสำเร็จต้นทางที่สามารถทำนายอนาคตของคุณได้”

   สวัสดีครับ วันนี้  ผมจะแบ่งปันในส่วนของปัจจัยต้นทางที่เป็นตัวกำหนดความสำเร็จของตัวคุณ ซึ่งผมขอเรียกว่าดัชนีตัวชี้วัดต้นทาง  ซึ่งเมื่อคุณทำความเข้าใจเรื่องนี้แล้ว คุณก็จะสามารถทำนายผลลัพธ์ชีวิตของตัวคุณรวมถึงผลลัพธ์ของทุกคนในองค์กรของคุณได้  แม้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวทำนายผลที่แม่นยำ แต่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามและไม่ละเอียดอ่อนพอที่จะใส่ใจ  ปัจจัยที่ผมกำลังหมายถึง นั่นก็คือ กระบวนการเรียนรู้ ฝึกฝน พัฒนาตนเอง  กิจกรรมที่คุณเลือกทำและอารมณ์ระหว่างวันที่อยู่กับตัวคุณ  ทั้งสามปัจจัยนี้ เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น หากผลลัพธ์ที่คุณต้องการคือความสำเร็จที่มากกว่า คุณจำเป็นต้องเข้าใจและกำกับดูแลทั้งสามปัจจัย ดังนี้

          1.การเรียนรู้และพัฒนาตนเองรายสัปดาห์ 

               มนุษย์ทุกคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน  ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่เก่งในสาขาอาชีพนั้นๆ   และคนเก่งส่วนใหญ่ก็เริ่มต้นจากคนไม่เก่งมาก่อน  แต่เขามีการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง  จนกลายเป็นคนเก่งในที่สุด

          ดังนั้น หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจซัคเซสมอร์  คนต้องเข้าเรียนรู้ อ่านหนังสือ เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจนคุณเก่งขึ้นๆในทุกๆสัปดาห์  เมื่อเก่งขึ้น คุณจะสามารถสร้างผลงานได้มากขึ้นและยังสามารถดูแลสอนงานคนในองค์กรได้ดีขึ้นอีกด้วย  ความสำเร็จของคุณก็จะถูกยกระดับให้สูงขึ้นตามลำดับ  ซึ่งการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเองรายสัปดาห์  สามารถทำนายถึงระดับความสำเร็จที่คุณจะได้รับ

       2.กิจกรรมที่คุณเลือกทำในแต่ละวัน

        คุณและผม ต่างมีภารกิจมากมายที่ต้องทำและต้องรับผิดชอบ แต่ทว่าทุกๆกิจกรรมที่คุณทำในแต่ละวัน มีคุณค่าต่อการเคลื่อนตัวคุณไปสู่เป้าหมายที่แตกต่างกัน  ดังนั้น ตัวชี้ขาดความสำเร็จของคุณจึงไม่ได้วัดจากการที่คุณทำมากหรือทำน้อย ประเด็นหลักอยู่ตรงที่ คุณได้ทำในกิจกรรมหรือเนื้องานที่ใช่หรือไม่  สิ่งที่ใช่ของคุณกับของผมไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เพราะเราอาจมีเป้าหมายหรือสิ่งที่ต้องการจริงๆไม่เหมือนกัน

        จงจำไว้ว่า หากคุณต้องการมีผลลัพธ์ที่ดี คุณต้องออกแบบกิจกรรมหรือเนื้องานในแต่ละวันให้สอดคล้องกับเป้าหมายของคุณ เช่นเนื้องานเกี่ยวกับการแบ่งปันโอกาส  การแนะนำสินค้า  การสอนงาน การโค้ชชิ่ง  การเคลื่อนบัตรงานต่างๆ  การสร้างสายสัมพันธ์กับคนในองค์กร  การกำกับดูแลองค์กร การจัดประชุมและการเรียนรู้ทั้งจากการเข้าอบรม การฟังซีดี การอ่านหนังสือและการพูดคุยกับผู้รู้  หากเป้าหมายของคุณคือการประสบความสำเร็จในระดับสูง  คุณก็ต้องทำกิจกรรมต่างๆที่ว่ามาอย่างเข้มข้น  ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่คุณต้องการ  ถ้าคุณใช้เวลาอยู่กับกิจกรรมเหล่านี้อย่างมีวินัย  คุณก็สามารถทำนายผลความก้าวหน้าของคุณได้อย่างแน่นอน  ในทางตรงกันข้าม  ถ้าคุณใช้เวลาตลอดวันตลอดเดือนของคุณกับกิจกรรมอื่นที่นอกเหนือจากนี้  คุณก็สามารถทำนายผลได้ล่วงหน้าเลยว่าเป้าหมายของคุณจะไม่บรรลุอย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน

3.อารมณ์ที่คุณใช้ชีวิตหรือทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน

         ในหลักการสร้างความสำเร็จของมนุษย์นั้น อารมณ์ยิ่งใหญ่กว่าเหตุผลเป็นร้อยเท่า เพราะอารมณ์เป็นเรื่องเดียวกันกับพลังในตัวคุณ   แม้ว่าคุณจะออกแบบและเลือกกิจกรรมที่ถูกต้อง แต่ถ้าคุณออกไปทำกิจกรรมแบบซังกะตาย ฝืนใจสุดๆเหมือนถูกพ่อแม่บังคับ  คุณจะไม่มีวันที่จะทำสิ่งนั้นได้ดี  จงจำไว้ว่า หากในแต่ละวันคุณมีแต่อารมณ์กลัว ห่อเหี่ยว หดหู่ เหนื่อยหน่ายและสิ้นหวัง คุณจะไม่มีวันที่จะสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ในทางตรงกันข้าม หากคุณสามารถทำให้ตัวคุณอยู่ในสภาวะเปี่ยมพลัง มีความตื่นเต้น กระตือรือร้น กระปรี้กระเปร่า สดใส มีความรักความปรารถนาดีและมีความหวัง คุณก็จะสามารถออกไปทำกิจกรรมที่ใช่อย่างมีเสน่ห์ จนทำให้ผู้อื่นสัมผัสถึงพลังและเสน่ห์ในตัวคุณได้ ซึ่งก็จะส่งผลทำให้การทำงานในแต่ละวันของคุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น  และเป็นสิ่งที่คุณสามารถทำนายผลลัพธ์ทั้งของตัวคุณและของทีมงานได้ล่วงหน้าเช่นเดียวกัน

      ท่านผู้อ่านคับ ความสำเร็จในชีวิตของคุณ คุณต้องเป็นผู้รับผิดชอบ หากวันนี้ชีวิตยังเดินทางมาไม่ถึงจุดที่คุณต้องการจริงๆ  จงให้เวลาสำหรับการนั่งทบทวนถึงการลงทุนเรื่องการเรียนรู้พัฒนาตนเองของคุณ กิจกรรมรายวัน  รายสัปดาห์ของคุณ และอารมณ์ที่คุณทำกิจกรรมเหล่านั้นในแต่ละวัน  ปรับเปลี่ยนบางสิ่ง บางมุม บางอารมณ์ ด้วยหัวใจที่เปิดรับ ผมเชื่อมั่นว่า ชีวิตของคุณจะไปได้ไกลกว่านี้อีก เพราะทั้งการเรียนรู้ กิจกรรมและอารมณ์ เป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จที่ต้นทางครับ

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

พลังแห่งความฝันอันยิ่งใหญ่

    ถ้าคุณตกอยู่ในสนามการแข่งขันทางการเงิน  ต้องทราบข้อเท็จจริงก่อนว่า  โลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ต้องการความคิดใหม่ ไอเดียใหม่ วิธีการใหม่ ผู้นำใหม่ นวัตกรรมใหม่  รูปแบบใหม่  รุ่นใหม่  มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ  อยู่ตลอดเวลา  เพราะเบื้องหลังความต้องการของที่ใหม่กว่าและดีกว่า  มีสิ่งหนึ่งที่คุณต้องมีเพื่อจะได้รับชัยชนะ  สิ่งนั้นก็คือการกำหนดเป้าหมายที่แน่นอน  คุณต้องรู้ว่าตนเองต้องการอะไร  และมีปณิธานอันแรงกล้าที่จะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น

    ถ้าคุณมีปณิธานที่จะร่ำรวย   จงจำไว้ว่าผู้นำที่แท้จริงในโลกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลซึ่งสามารถควบคุมและนำพลังแห่งโอกาสซึ่งมองไม่เห็น  จับต้องไม่ได้  มาใช้ให้เกิดประโยชน์  ผู้นำเป็นบุคคลที่เปลี่ยนโอกาสไปเป็นเมือง  ตึกระฟ้า  โรงงาน  อุตสาหกรรม  ระบบขนส่งมวลชน  สถานบันเทิง  และทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างความสะดวกสบาย  ทำให้ทุกสิ่งง่ายขึ้น  เร็วขึ้น  ดีขึ้น  หรือทำให้ชีวิตสุขสบายขึ้น

    ในการวางแผนไปสู่ความร่ำรวยนั้น  อย่ายอมให้ใครมาทำลายความเป็นนักล่าฝันของคุณ  การที่จะชนะเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงนั้นคุณต้องเข้าให้ถึงจิตวิญญานของผู้บุกเบิกที่ยิ่งใหญ่  ผู้ซึ่งความฝันของเขามีคุณค่าต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรม  จิตวิญญานของผู้บุกเบิกนี้เปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงประเทศของเรา  มันให้โอกาสทั้งคุณและผมที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเอง

   แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้ง บริษัท อาลีบาบากรุ๊ป  เห็นความจริงคือ ประเทศจีนเป็นโรงงานของโลก  เขามีความคิดว่า อยากช่วยขยายฐานลูกค้า ธุรกิจ SME ของประเทศจีน ให้ถึงคนทั่วโลกโดย e-commerce  โดยเขาตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่ไว้ "ให้ใต้หล้า ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น"  จากคนที่ไม่รู้เรื่องไอที เขาฝ่าฝันด้วยจิตวิญญานและปณิธานที่ยิ่งใหญ่  ร่วมกับทีมงานชุด 18 อรหันต์  ใช้เวลา 10 ปี ก่อตั้งบริษัทที่คนทั่วโลกต้องจดจำ อาลีบาบา ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ B2B (business to business)

     ถ้าคุณยังสงสัยในความจริงข้อนี้  หรือเมื่อไม่นานมานี้คุณรู้สึกแย่เพราะได้ประสบกับความล้มเหลว  คุณกำลังจะได้เรียนรู้ว่าความล้มเหลวสามารถแปรเปลี่ยน เป็นทรัพย์มีค่าได้อย่างไร  เกือบทุกคนที่ประสบความสำเร็จใจชีวิตล้วนต้องผ่านจุดเริ่มต้นที่เลวร้ายมาก่อน   แต่ด้วยใจที่ต่อสู้  ไม่ย่อท้อ  จึงทำให้เขาผ่านจุดนั้นมาได้  จุดเปลี่ยนในชีวิตของผู้ที่ประสบความสำเร็จมักเกิดจากการที่เขาต้องเผชิญ  กับวิกฤตการณ์ด้วยตัวเอง

    มีการกล่าวถึงแนวคิดของ  นโปเลียน  ฮิลล์  ในเรื่องที่เกี่ยวกับ "ตัวตนที่แท้จริง"  ในหนังสือ  คิดแล้วรวยอยู่หลายแห่ง  แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดไว้มากนัก  ต่อไปนี้เป็นบทความที่เขาเคยเขียนไว้

     คุณอาจจะเคยมีความคิดว่า   ความล้มเหลวทำให้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง  ยิ่งคุณคิดอย่างนี้มากเท่าไร  ก็ยิ่งมีโอกาสล้มเหลวมากขึ้นเท่านั้น  จงหยุดความคิดเหล่านี้เสีย  แล้วคิดใหม่ว่าแท้ที่จริงคุณกำลังได้ประโยชน์จากประสบการณ์ของคุณ   ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเผชิญกับอุปสรรคอะไรก็ตาม  ควรมองอีกมุมหนึ่งว่า  คุณจะไม่สนใจอุปสรรคนั้น  และไม่คำนึงถึงความพ่ายแพ้  นอกจากนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม  คุรควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น  และเลือกที่จะร่วมงานกับคนที่มีเป้าหมายเหมือนกัน  ปรัชญาและคำแนะนำในการโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นจะช่วยคุณได้มาก  ถ้ารู้จักนำมันไปใช้

   โทมัน  เอดิสัน  ใฝ่ฝันถึงการสร้างหลอดไฟซึ่งใช้พลังงานจากไฟฟ้า   เขาได้เริ่มสร้างฝันให้เป็นจริง  เอดิสันต้องประสบความล้มเหลวมากกว่า  10,000 ครั้ง  แต่ทั้งๆ ที่ล้มเหลว  ก็ยังยืนหยัดในความฝัน  จนในที่สุดเขาก็ค้นภพอัจฉริยภาพที่ซ่อนอยู่ในสมองของเขา

    ผลงานของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน  แต่เรื่องราวของความสำเร็จนั้นคล้ายกันคือ  เริ่มจากความคิดฝัน  แล้วก็ล้มเหลว  เกิดบทเรียนและเกิดการเรียนรู้จนประสบความสำเร็จในที่สุด  ไม่ว่าจะเป็นเฮนรี่  ฟอร์ด  โทมัน  เอดิสัน  แจ็ค หม่า  สตีฟ จ๊อบส์  บ๊อบ ดีลแลน  ล้วนแล้วแต่ได้พิสูจน์ว่ากฏข้อปฎิบัตินี้ใช้ได้เสมอ 

   การที่เราอยากจะได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น  แตกต่างจากการเตรียมตัวเองให้พร้อมที่จะได้สิ่งนั้นมา   ไม่มีใครพร้อมสำหรับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนกว่าเขาจะเชื่อในศักยภาพของตัวเองเสียก่อน  ไม่เพียงแต่หวังหรือต้องการเท่านั้น  แต่ต้องมีความเชื่อในจิตใจด้วย  การเปิดใจสำคัญมากสำหรับความเชื่อ  การที่เราใจแคบนั้นจะทำให้เราไม่เกิดศรัทธา  แรงกระตุ้น  และความเชื่อ

   จงจำไว้ว่า  การที่เราพยายามหวังสูงเพื่อที่จะมั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองนั้น  ดีกว่าการที่จะต้องพยายามยอมรับความทุกข์ยากและความยากไร้  ดังเช่นบทกว่าที่กล่าวถึงสัจธรรมข้อนี้ไว้ว่า :

  ฉันต่อรองขอเงินหนึ่งเพนนีกับชะตาชีวิตของตัวเอง  
แต่ไม่เคยได้
    ตอนเย็นฉันอ้อนวอนขอ 
 เพราะไม่มีอะไรเหลือแล้ว

     ชะตาชีวิตเป็นเพียงนายจ้างของเรา
     ชะตาชีวิตจะให้สิ่งที่เราขอ
     ต่อเมื่อเราทำงานให้เท่านั้น
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องทำงานหนัก

ฉันจึงยอมทำงานรับใช้
เพียงเพื่อจะได้เรียนรู้ว่า
ทุกสิ่งที่ฉันลงทุนลงแรงทำไปนั้น
ชะตาชีวิตพร้อมจะจ่ายค่าแรงคืนให้เสมอ


   

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

6 ขั้นตอนในการแปรเปลี่ยนปณิธานไปเป็นเงินทอง

ต่อไปนี้คือหลักปฏิบัติ 6 ประการที่จะทำให้คุณบรรลุปณิธานแห่งความปณิธาน

  1. ระบุจำนวนเงินที่คุณต้องการไว้ในใจให้ชัดเจน  การพูดง่ายๆ กว้างๆ ว่า "ฉันต้องการเงินมากๆ" นั้นไม่เพียงพอ  จงระบุจำนวนเงินที่แน่นอนลงไปเลย (เพราะนี่คือเหตุผลทางจิตวิทยา) 
  2. กำหนดสิ่งที่คุณตั้งใจจะทำเพื่อให้ได้เงินมาตามที่ปรารถนา (ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีคำว่า "ได้อะไรมาฟรีๆ)
  3. ระบุวันที่แน่นอนในการที่จะได้ครอบครองเงินที่ปรารถนา
  4. สร้างสรรค์แผนการที่จะทำให้ปณิธานบรรลุผลสำเร็จ  และเริ่มลงมือทันทีไม่ว่าคุณจะพร้อมหรือไม่ก็ตาม  เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ
  5. เขียนมันลงไป  เขียนข้อความที่ชัดเจนแลกระชับถึงจำนวนเงินที่ต้องการได้  กรอบเวลาในการดำเนินการ  ระบุเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำเงินให้คุณ  และรายละเอียดของแผนการที่คุณได้ตระเตรียมไว้
  6. อ่านข้อความที่คุณขียนออกมาดังๆ วันละสองเวลา ก่อนเข้านอน และหลังตื่นนอนตอนเช้า  ขณะที่อ่าน  จงสร้างมโนภาพ  สร้างความรู้สึกและความเชื่อว่าตนเองได้ครอบครองเงินนั้นเรียบร้อยแล้ว
    การปฏิบัติตามคำแนะนำทั้ง 6 ขั้นตอนนั้นมีความสำคัญมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนที่ 6 จงตั้งใจปฏิบัติตาม  คุณอาจข้องใจว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ที่จะ "เห็นตัวเองครองครองเงิน" นั้นแล้ว  ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้มาจริงๆ แต่นี่คือวิธีการที่ปฎิธานอันแรงกล้าจะเข้ามาช่วยคุณ  ถ้าคุณคั้งความปรารถนาในเรื่องเงินทองด้วยความกระตือรือร้นจนกระทั่งมันครอบงำจิตใจแล้ว  คุณก็จะได้มันมาโดยไม่ยากลำบากนัก  วัตถุประสงค์ของการสร้างความต้องการเงินและกำหนดวิธีการที่จะได้เงินมานี้ก็คือ  การทำให้คุณชักจูงตัวเองว่าจะต้องได้เงินนั้นมาให้ได้

    สำหรับคนที่ไม่ได้ร่ำเรียนมาทางด้านจิตวิทยา  อาจคิดว่าคำแนะนำนี้ดูไม่น่าจะมีผลในทางปฏิบัติ  แต่คุณจะมั่นใจขึ้น  ถ้ารู้ว่าผู้ที่ถ่ายทอดข้อมูลนี้ให้ผลคือ  แอนดรูว์  คาร์เนกี  ผู้ที่สร้างตัวจนประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของคนอเมริกัน  คาร์เนกีเริ่มงานจากกรรมกรธรรมดาๆ คนหนึ่งในโรงงานถลุงเหล็กทั้งๆ ที่เริ่มจากงานที่ต่ำต้อย  แต่เขาสามารถนำหลักการเหล่านี้ไปสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้ตนเองได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์  (คิดเป็นเงินในปัจจุบันถึง 20000 ล้านดอลลาร์)

   และคุณจะยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นเมื่อทราบว่า  ยอดนักประดิษฐ์และนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ โทมัส เอ. เอดิสัน  ได้พิจารณาคำแนะนำทั้งหกนี้อย่าละเอียดถี่ถ้วนแล้ว  เขาจึงได้ประทับรับรองคำแนะนำนี้  และกล่าวว่า  มันไม่ใช่แค่ขั้นตอนของการทำเงินเท่านั้น  แต่เป็นขั้นตอนของการบรรลุผลสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายใดๆ ก็ตาม  

ขอบคุณหนังสือ think & Growth rich  Napaleon Hill

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ปิดทางถอยของตัวเอง เพื่อคว้าชัยชนะ

นานมาแล้ว  มีนักรบผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งต้องเผชิญสถานการณ์เลวร้าย  เนื่องจากต้องยกทัพเข้าต่อสู้กับศัตรูซึ่งมีกำลังมากกว่า  เขามุ่งมั่นว่าจะต้องชนะสงครามครั้งนี้ให้ได้  เมื่อเดินทางถึงดินแดนศัตรู และได้ลำเลียงทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ออกจากเรือแล้ว  จึงได้สั่งให้เผาเรือทิ้ง  ก่อนจะรบ  เขาได้ประกาศกับไพร่พลว่า

    "พวกเจ้าคงเห็นเรือที่กำลังลุกไหม้แล้ว  พวกเราจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ถ้าเราไม่ชนะ ไม่มีทางเลือกแล้ว  พวกเราจะชนะหรือจะยอมตายอยู่ที่นี่"

   ในที่สุดพวกเขาก็ชนะ!!!

    ทุกคนที่เอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ต้องปิดทุกหนทางที่จะถอยหนี  นี่คือหลักจิตวิทยาในการ  กระตุ้นปณิธาน  ของตัวเองเพื่อชัยชนะ

     เช้าวันหนึ่งหลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในชิคาโก้(อเมริกา)  เจ้าของร้านค้ากลุ่มหนึ่งกำลังเฝ้ามองดูกลุ่มควันจากซากร้านค้าของพวกเขา  และปรึกษากันว่าจะพยายามฟื้นฟูร้านค้าขึ้นมาใหม่  หรือจะย้ายออกไปจากชิคาโก้แล้วไปเริ่มชีวิตใหม่ที่เมืองอื่นดี  สุดท้ายพวกเขาตัดสินใจจะย้าย  ยกเว้นอยู่คนเดียว เขาคือเจ้าของร้านที่ตัดสินใจอยู่โดยจะสร้างร้านค้าขึ้นมาใหม่  เขาชี้ตรงบริเวณเดิมของร้านแล้วพูดว่า "ทุกคนจงฟัง  ผมจะสร้างห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตรงนี้  ไม่ว่าจะถูกไฟไหม้อีกกี่ครั้งก็ตามที"

    นั่นคือเหตุการณ์เมื่อปี ค.ศ. 1871  เขาสร้างร้านค้านั้นขึ้นมาใหม่และยังคงอยู่จนทุกวันนี้  ห้างสรรพสินค้ามาร์แซลล์ฟิลด์  เป็นอนุสรณ์สถานแห่งปณิธานอันแรงกล้า  มาร์แซลล์  ฟิลด์  แตกต่างจากพ่อค้าคนอื่นๆ  ตรงที่  เมื่อเผชิญกับความยากลำบากและอนาคตที่มืดมน  เขาจะลุกขึ้นแล้วมองโลกในแง่ดี

    โปรดสังเกตความแตกต่างระหว่างมาร์แซลล์  ฟิลด์  กับเข้าของร้านค้าคนอื่นๆ เพราะความแตกต่างนี้เองทำให้คนที่ประสบความสำเร็จถูกแยกออกจากกับคนที่ล้มเหลว

    เมื่อเราอายุมากขึ้นจนรู้คุณค่าของเงิน  ก็ย่อมต้องการได้เงินกันทุกคน  แต่ลำพังแค่ความต้องการนี้ไม่ได้ทำให้เราร่ำรวยขึ้น  การที่เราคิดถึงปณิธานซ้ำๆ  ในการที่จะสร้างความร่ำรวยร่วมกับการวางแผนที่ดีจะทำให้เราร่ำรวย  จงกำหนดวิธีการที่คุณต้องใช้เพื่อฝ่าฟันกับอุปสรรค  มุ่งมั่นกับแผนงานเพื่อปิดทางที่จะทำให้ตัวคุณเองล้มเหลว

ข้อคิด คำคม : Think 2 Rich

     “ความคิดของคุณทำให้คุณตกอยู่ในปัญหา ก็ความคิดของคุณนั่นแหละ ที่จะทำให้คุณออกมาจากปัญหาได้”

           คนที่เจออุปสรรคจากเหตุการณ์ในชีวิตแบบเดียวกัน  แต่ไม่เสมอไปที่จะรู้สึกว่าเป็นปัญหาเหมือนกัน บางคนยิ่งเจออุปสรรค ยิ่งฮึดสู้ บางคนเจอแล้วถอดใจ จงจำไว้ว่า เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณมีค่าเป็นกลางเสมอ มันขึ้นอยู่กับความคิดของคุณว่าจะตีความหมายไปทางด้านไหน  หากคุณตีความไปด้านที่เป็นปัญหา เป็นตัวเหนี่ยวรั้ง คุณก็จะไม่มีพลังที่จะไปต่อ ในทางตรงกันข้าม หากคุณเปลี่ยนมุมมองความคิด คิดไปในด้านที่เป็นโอกาสแห่งความท้าทาย  มองว่าปัญหาเป็นเรื่องชั่วคราว และมองให้เห็นหนทางที่จะไปต่อ คุณก็จะมีพลังเคลื่อนไปข้างหน้าได้ มันเป็นสิทธิ์ในการเลือกที่จะคิดของคุณ

  “เมื่อใดก็ตาม ที่คุณได้เห็นคนผู้หนึ่งประสบความสำเร็จ นั่นแสดงว่าเขาได้กระทำการตัดสินใจที่กล้าหาญแล้ว”

        ทุกๆความสำเร็จที่ใครก็ตามสร้างขึ้นมาได้ ย่อมต้องเกิดจากการตัดสินใจที่กล้าหาญว่า จะยินดียืนหยัดเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคปัญหาที่ขวางกั้น เพราะหากคุณไม่ตัดสินใจที่จะสำเร็จ คุณก็จะไม่มีวันที่จะมีความมุ่งมั่นทุ่มเท คุณจะมีข้ออ้าง ข้อแม้เต็มไปหมด ดังนั้น เมื่อคุณเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ ขอให้เชื่อว่าคุณก็ประสบความสำเร็จได้ ขอเพียงคุณตัดสินใจอย่างกล้าหาญเช่นเดียวกับเขา

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเห็น เริ่มต้นมาจากความคิดในหัวของใครสักคน”

     ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ล้วนแล้วแต่เกิดจากการสร้างสองครั้งเสมอ  ครั้งที่หนึ่งสร้างในจินตนาการ โดยมีความชัดเจนในใจ จดจ่อมองเห็นภาพและรู้สึกถึงมัน  และครั้งที่สองคือการลงมือทำให้มันกลายเป็นจริง ดังนั้น หากคุณต้องการบรรลุเป้าหมาย คุณจึงต้องเริ่มต้นอย่างมีจุดหมายที่ชัดเจนภายในก่อน มองให้เห็นภาพ ฟังให้ได้ยินเสียงและเข้าให้ถึงอารมณ์ความรู้สึก จากนั้นลงมือทำอย่างเข้มข้น คุณก็จะสร้างสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นในโลกภายนอกได้

พฤติกรรมของผู้นำที่มีประสิทธิภาพ

   วันนี้จะว่ากันถึงเรื่องพฤติกรรมของผู้นำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคุณ ระหว่างอ่านไป  ขอให้ประเมินตนไปด้วยว่า ในแต่ละพฤติกรรมที่ระบุไว้  มันมีอยู่ในตัวคุณมากน้อยแค่ไหน  เชิญติดตามได้เลยครับ

       ว่ากันว่าระดับความสำเร็จของคุณ   ขึ้นอยู่กับระดับความเป็นผู้นำของตัวคุณ  ซึ่งแต่ละระดับที่คุณจะก้าวขึ้นไป  ก็ต้องมีคุณสมบัติบางอย่างที่เพิ่มขึ้นจากเดิม  ดังนั้น พัฒนาการของการเป็นผู้นำ จึงเริ่มจากพื้นฐานบางเรื่องที่คุณต้องมีความเด่น   จนคุณก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับกลางและก้าวต่อไปจนเป็นผู้นำระดับสูง   ซึ่งคนที่จะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพนั้น  จะต้องมีความเก่งในสามเรื่องหลักๆ   ได้แก่  ความฉลาดเรื่องคน  มองโลกในแง่ดีและเป็นมืออาชีพ  ในฉบับนี้  ผมจะขยายความเกี่ยวกับความเก่งทั้งสามด้านของผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำก่อน  ดังนี้ครับ

-ความฉลาดเรื่องคน 

      คนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้  ต้องมีทักษะในเรื่องคน  ซึ่งความเก่งด้านนี้มี  3 ส่วนหลักๆได้แก่

      1.รู้จักตนเอง 

     รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเอง  รู้ถึงจุดแข็งจุดอ่อนและรู้ว่าตัวคุณมีผลต่อผู้อื่นอย่างไร คุณต้องรู้จักที่จะนำจุดแข็งมาใช้ในการสร้างผลงานและพัฒนาจุดแข็งของคุณให้เด่นชัดยิ่งขึ้นจนมีความแตกต่างจากผู้อื่นอย่างชัดเจน  ในขณะเดียวกัน  จงระมัระวังจุดอ่อนของคุณ  อย่าให้มันสร้างความเสียหายต่องาน ต่อผู้อื่นและต่อองค์กร  ในขณะเดียวกัน  คุณต้องหาทางลดจุดอ่อนที่สำคัญๆโดยเฉพาะจุดอ่อนในเชิงบุคลิกภาพ  พร้อมๆกับการทำให้ตัวคุณอยู่ในเนื้องานที่คุณได้ใช้จุดแข็งเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนและต่อองค์กรให้ได้มากที่สุด

      2. รู้จักคนอื่น

          คนแต่ละคนมีบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน  มีจุดอ่อนจุดแข็งที่ไม่เหมือนกัน   มีความฝัน  มีแรงบันดาลใจที่แตกต่าง   มีความเข้าใจเรื่องราวเร็วช้าต่างกัน  อีกทั้งมีค่านิยม  มีวิถีการดำรงชีวิตและช่องทางการรับข่าวสารทางรูป รส กลิ่น เสียงและ สัมผัสที่แตกต่าง  ถ้าคุณเข้าใจและรู้จักคนอื่นในแง่มุมเหล่านี้  คุณก็จะสร้างอิทธิพลเหนือคนอื่นได้  นอกจากนั้น  คุณยังต้องรู้จักใช้จุดแข็งของคนอื่นมาช่วยสร้างสรรค์งาน และหาทางพัฒนาอย่าให้จุดอ่อนของคนอื่นทำให้งานเสียหาย

 3.รู้จักวิธีขายความคิดหรือโน้มน้าวจูงใจผู้อื่น

          คนที่จะเป็นผู้นำ  ต้องเก่งในการสื่อสัมพันธ์กับผู้คน  เพื่อให้คนที่อยู่ในฐานะเป็นลูกน้อง เป็นดาวน์ไลน์ เพื่อนร่วมงาน เป็นไซด์ไลน์ หรือเป็นผู้บังคับบัญชาหรือเป็นอัพไลน์  เห็นด้วยและสนับสนุน  รวมถึงการทำให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่มีพลัง  ซึ่งต้องใช้ความเก่งในด้านรู้จักคนอื่นและมีทักษะด้านการสื่อสารที่ดีประกอบกัน

-มองโลกในแง่ดี

        ผู้นำที่ดีจะต้องมีมุมมองต่อโลกในเชิงบวก  ไม่ใช่คนประเภทคิดลบ  จับผิดหรือกรองสิ่งผิดก่อนเสมอ  ซึ่งการเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี  จะต้องเป็นคนที่มีพื้นฐานของการเป็นคนมีความหวังในชีวิต  มีแรงผลักดัน  มีความยืดหยุ่นที่เหมาะสมในการใช้ชีวิต  มองหาทางออกของปัญหา  ไม่ใช่นั่งทับปัญหา  รู้จักเก็บอารมณ์  มองเห็นโอกาสในวิกฤติ  มีความเข้าใจความเป็นธรรมชาติของสรรพสิ่ง  มีมุมมองต่อปัญหาว่าเป็นเรื่องที่แก้ไขได้  ไม่ใช่เรื่องถาวรตลอดไป  รู้จักแยกแยะว่าอะไรคือสิ่งที่เราควบคุมได้และ อะไรเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา และจดจ่อไปยังปัจจัยที่เราเป็นผู้ควบคุม  ซึ่งในที่สุด จะส่งผลให้ปัญหาที่เราควบคุมไม่ได้ลดน้อยลง

-มีความเป็นมืออาชีพ

     คนที่เริ่มยกระดับสู่การเป็นผู้นำ  จะมีคนประเมินให้คะแนนว่าจะยอมรับให้นำหรือไม่อยู่ตลอดเวลา   ดังนั้น  จึงจำเป็นต้องแสดงบางสิ่งบางอย่างที่บ่งบอกความเป็นมืออาชีพออกมา ตั้งแต่การเรียนรู้จนเข้าใจธุรกิจที่คุณทำอย่างแตกฉาน  พูดจาแสดงออกถึงความรู้จริง ไม่พูดมั่วๆหรือไร้แก่นสาร เรียนรู้การนำอย่างถูกต้อง  รู้ว่าการนำเริ่มต้นจากการยอมรับในบุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอก    คุณเป็นคนดูแลตัวเองดีหรือเปล่า  นิสัยใจคอเป็นอย่างไร  มีจิตใจที่ให้ความเป็นธรรมแก่คนอื่น  หรือเอารัดเอาเปรียบ  นิสัยแบ่งปันหรือเห็นแก่ตัว  ไว้วางใจได้แค่ไหน  นอกจากเรื่องบุคลิกภาพแล้ว  คุณยังจำเป็นต้องเป็นคนมีความสามารถและมีผลงานด้วย  ไม่ใช่เก่งแต่พูด หรือหน้าตาดี จิตใจดีอย่างเดียว

    ดังนั้น  จงจำไว้ว่า   หากคุณต้องการไต่ระดับบันไดผู้นำ  ขอให้เริ่มไต่ด้วยการวางรากฐานที่แข็งแรงก่อน  รากฐานที่แข็งแรงของผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ  ก็เกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดที่ผมได้แบ่งปันไปข้างต้น  อยากเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพจริง  กลับไปอ่านทวนอีกรอบนะครับ  ผมมั่นใจว่าคุณจะสามารถเป็นผู้นำที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

ข้อคิดคำคม : Think 2 Rich

  “  ราคาของความยิ่งใหญ่คือความรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเอง 100% ”

       การที่คุณจะกลายเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิตได้จนสามารถรับผิดชอบชีวิตตนเองและชีวิตของคนที่คุณรักได้ดีนั้น   คุณต้องยอมจ่ายราคาเพื่อความสำเร็จ  และหนึ่งประเด็นหลักของการจ่ายราคาก็คือ  การเป็นคนรับผิดชอบต่อความสำเร็จของตนเอง  โดยไม่ฝากชีวิตไว้กับคนอื่น  ไม่โทษสิ่งนอกตัวว่าเป็นต้นเหตุของความผิดพลาด ไม่หาข้ออ้างเพื่อมารองรับการกระทำหรือไม่กระทำของตนเอง ยึดมั่นอยู่กับการทำสิ่งที่ตัวคุณควบคุมได้ให้ดีที่สุดและทำให้มันดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา

  “ คุณต้องเป็นคนอย่างที่คุณต้องการเป็นจริงๆก่อน  จากนั้นก็ทำในสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ เพื่อจะได้มาซึ่งสิ่งที่คุณต้องการมี”

          การสร้างความสำเร็จในชีวิต  ก็มีลำดับขั้นตอนที่ให้ผลเช่นเดียวกับการทำกับข้าวหรือชงกาแฟที่คุณคุ้นเคย  ถ้าลำดับผิด  คุณจะไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้  ในการสร้างความสำเร็จนั้น  คุณต้องเริ่มจากการพัฒนาความสามารถตัวคุณก่อน  พร้อมๆกับการพัฒนาคุณลักษณะของตัวคุณไปด้วย  จากนั้นคุณต้องเอาความสามารถไปลงมือทำในทุกสิ่งที่จำเป็นต้องทำ  ไม่ใช่ทำเฉพาะเรื่องที่คุณพอใจทำ  หากคุณยืนหยัดทำวงจรนี้อย่างต่อเนื่อง  คุณก็จะได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ

 “ ผมไม่รู้ว่ามีความจริงอะไรที่จะให้กำลังใจได้มากไปกว่าความจริงที่ว่า มนุษย์มีความสามารถอย่างไม่ต้องสงสัย ที่จะทำให้ชีวิตของเขาสูงขึ้นได้โดยความพยายามอย่างตั้งใจ”

      มนุษย์ทุกคนที่มีชีวิตที่ดี   ล้วนเป็นคนตั้งใจที่จะทำให้ชีวิตของตนเองดี  โดยเริ่มจากการตั้งใจทำสิ่งที่ดีขึ้นๆให้แก่ชีวิตตนเองทุกๆวัน  และมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า  ความตั้งใจและความพยายามที่ต่อเนื่อง  จะทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างแน่นอน
นี่เป็นความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์อีกแล้ว  ขอให้คุณใช้เป็นกำลังใจในการสร้างความสำเร็จของชีวิตได้เลย

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ทำจึงได้ อายก็อด : อย่าอาย


ความอายเป็นคุณสมบัติที่ไม่ดีของมนุษย์  และพบมากด้วยในความคิดของคนไทย  


     ความอายจะทำให้ไม่กล้าลงมือทำกิจกรรมที่ควรทำอีกมากมาย เช่น ไม่กล้าทักทาย  ไม่กล้าขอหรือขอร้อง  ไม่กล้าแสดงความรู้สึกของมิตรภาพหรือความรัก  ไม่กล้าอาสาคนอื่น  ไม่กล้าที่จะเริ่มต้นในสิ่งใหม่

    คนที่มีความอายมากๆ  มักมาจากครอบครัวและสังคมที่สอนซ้ำๆ เรื่องความอายและสิ่งที่ไม่ควรทำซึ่งมักไม่ค่อยถูกต้อง  หรือล้าสมัยไปแล้ว  โดยไม่สอนว่าสิ่งใดควรทำ  

    คนบางคนจะยิ้มให้คนแปลกหน้าก็ยังอาย  เพราะกลัวจะถูกหาว่าน่าไม่อาย  แล้วจะสร้างมนุษย์สัมพันธ์ได้อย่างไร

     ในการทำมาหากินนั้นนอกจากจะต้องมีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์แล้วจะต้องมีลูกค้าหรือผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์นั้น

    การจะได้ลูกค้าหรือผู้บริโภคเพิ่มขึ้น  จำเป็นที่คุณจะต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับเขา
    ถ้าอายเสียแล้ว  มนุษย์สัมพันธ์จะเกิดได้ยาก  เพราะคุณจะไม่กล้าทำในสิ่งที่ควรทำ  เช่น  การยิ้มแย้มทักทาย  ชมเชยผู้อื่นก่อน

    คำว่า "ด้านได้  อายอด" นั้น   คงตั้งใจจะสอนให้คนลดความอายเพื่อจะได้ในสิ่งที่ควรได้  แต่คงไม่ได้สอนให้คนเป็นคนหน้าด้านเพื่อจะได้ในสิ่งที่อยากได้หรอก

       น่าจะใช้คำว่า "ทำจึงได้  อายก็อด" จะดีกว่า  

      จะได้ลดความอายแล้วกล้าทำในสิ่งที่ควรทำ  เพื่อจะได้ในสิ่งต่างๆ ที่ควรจะได้มากขึ้น 

       รวมทั้งความสำเร็จในการทำธุรกิจต่างๆ ด้วยคับ 

   

ขั้นตอนสู่ความสำเร็จที่คนสำเร็จทั่วโลกใช้กัน

ขั้นตอนสู่ความสำเร็จที่คนสำเร็จทั่วโลกใช้กัน และเป็นขั้นตอนที่ถ้าใครทำตามนี้อย่างต่อเนื่อง รับประกันว่า สำเร็จอย่างแน่นอน เชิญติดตามอ่านเลยนะครับ

 นตอนที่ 1 รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ

          คนสำเร็จทุกคนต้องเริ่มที่ขั้นตอนนี้ก่อน นั่นคือรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจริงๆ  เพราะบางสิ่งที่คุณคิดว่าคุณต้องการ แต่ลึกๆแล้วคุณไม่ได้ต้องการมันจริงๆ  คุณก็จะไม่ยอมแลก ไม่ยอมจ่ายราคา  คุณมักจะไปทำอีกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายที่คุณบอกว่าคุณต้องการ  ดังนั้น  โปรดถามใจตัวเองดูให้แน่นอนเสียก่อนว่า อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ
จากนั้น มองให้เห็นภาพของการบรรลุสิ่งนั้น  เข้าให้ถึงอารมณ์ความรู้สึกว่าได้ครอบครองแล้วและฟังให้ได้ยินเสียงที่บอกกับตัวเองเมื่อคุณได้ในสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ

ขั้นตอนที่ 2  หากลวิธีในการทำ

           ทุกๆเป้าหมาย ล้วนแล้วแต่มีกลวิธีที่นำพาคุณไปสู่เป้าหมาย  คุณต้องหากลวิธีจากคนที่ทำสำเร็จมาก่อนเป็นพื้นฐาน  จากนั้นปรับเปลี่ยนให้มันเหมาะกับกาลเวลาและเหมาะกับตัวคุณ  อย่าข้ามขั้นตอนนี้ไปสู่การลงมือทำเลย  เพราะถ้าข้ามขั้นตอนนี้ ไป นั่นก็หมายถึงคุณลงมือทำแบบมั่วๆ  ทำให้คุณเหนื่อยแต่จับแก่นสารอะไรไม่ได้เลย

ขั้นตอนที่ 3 ลงมือทำ

         คนสำเร็จทุกคนต้องมีความสามารถในการทำให้ตัวเองลงมือทำได้อย่างสม่ำเสมอ  ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง  ไม่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ  เป็นคนที่มีวินัยในการลงมือทำ  เพราะถ้าคุณไม่ลงมือทำ  คุณก็จะไม่ได้ระยะทาง  และไม่ได้บทเรียนเพื่อปรับแก้ในเชิงปฏิบัติ  คุณจะยังคงนั่งหวังผลเลิศอยู่  จนทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์  ดังนั้น  คุณจึงต้องกล้าๆลงมือทำอย่างทุ่มเทและต่อเนื่อง  เพื่อให้รู้กันไปเลย  ถ้าได้ผล  ก็ลุยต่อแบบมีกำลังใจ  ถ้าไม่ได้ผล  ก็ปรับปรุงปรับเปลี่ยนเพื่อไปต่อ  การสร้างความสำเร็จ  มันมีเพียงแค่นี้จริงๆ  ไม่มีอะไรซับซ้อน

 -ขั้นตอนที่ รู้ว่าคุณกำลังได้รับผลลัพธ์อะไรอยู่

            เมื่อคุณลงมือทำไปแล้ว  คุณต้องสามารถประเมินรู้ว่าวิธีที่คุณใช้  พลังที่คุณใส่เข้าไป  มันกำลังให้ผลอะไร
ถ้าได้ผลเป็นการพาคุณเข้าใกล้เป้าหมายที่คุณต้องการจริงๆ  ก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว  แต่ถ้ามันไม่ทำให้คุณขยับไปข้างหน้าเลย  คุณก็ต้องนั่งวิเคราะห์เพื่อหาให้เจอว่า  มีตรงไหนที่มันยังไม่ใช่  เพื่อปรับเปลี่ยนให้มันใช่  ถ้าประเมินได้เร็ว  คุณก็จะปรับเปลี่ยนได้เร็ว  ทำให้คุณไม่เสียเวลา  ไม่สูญเสียทรัพยากรและไม่เสียกำลังใจมากเกินไป

-ขั้นตอนที่ ปรับเปลี่ยนกลวิธีและลงมือทำใหม่

            เมื่อคุณประเมินแล้ว  หากกลวิธีเดิมที่คุณใช้อยู่  ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการได้  คุณก็ต้องหาทางปรับเปลี่ยนกลวิธีใหม่  และลงมือทำอีกครั้ง   เมื่อลงมือทำด้วยกลวิธีใหม่แล้ว  คุณก็ประเมินอีกเพื่อให้รู้อยู่ตลอดเวลาว่า กลวิธีที่ใช้อยู่ของคุณได้ผลหรือไม่ได้ผล


        หากคุณต้องการประสบความสำเร็จจริงๆ   ไม่ต้องไปหาเทคนิคพิศดารที่ไหน  ขอให้คุณทำตาม  5 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จที่เศรษฐีทั่วโลกเขาใช้กัน   ทำให้เป็นนิสัยและเป็นวินัยแห่งการสร้างชีวิต  ผมมั่นใจว่าคุณจะเป็นเจ้าของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนครับ

ภาพของจิตใจ

      คนที่คิดใหญ่ เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการสร้างภาพที่เป็นบวกมองไปข้างหน้า และมองโลกในแง่ดี ทั้งในจิตใจของตนเองและจิตใจของผู้อื่นในการที่จะคิดใหญ่ต้องใช้คำและวลีซึ่งสร้างภาพพจน์ที่เป็นบวกขึ้นในจิตใจ

      คอลัมน์ทางซ้ายมือต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของถ้อยคำซึ่งก่อให้เกิดความคิดเล็ก ความคิดที่เป็นลบ และหมดหวัง คอลัมน์ทางขวามือจะเป็นคำพูดในสถานการเดียวกันแต่พูดในทางที่เป็นบวก

 ขณะที่คุณอ่าน ถามตัวคุณเองว่า "เห็นภาพอะไรในจิตใจ"


วลีซึ่งสร้างภาพของจิตใจที่เล็กและเป็นลบ

  1.  ไม่มีประโยชน์ เราแพ้
  2. ผมเคยทำธุรกิจนั้นมาครั้งหนึ่งและเจ๊งเรียบร้อยไม่เอาอีกแล้ว
  3. ผมพยายามแล้ว  แต่มันขายไม่ได้คนเขาไม่ต้องการสินค้าตัวนี้
  4. ตลาดอิ่มตัวแล้ว  ลองนึกดู 75เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าเป้าหมายมีสินค้านี้แล้ว  เลิกผลิตดีกว่า
  5. ลูกค้าพวกนี้สั่งแต่ล็อตเล็กเท่านั้นเราตัดเขาออกดีกว่า
  6. ห้าปีนานเกินไปสำหรับผมที่จะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้บริหารระดับสูงผมไม่สนหรอก
  7. คู่แข่งขันได้เปรียบเราทุกประตู  คุณจะหวังให้ผมขายแข่งกับเขาได้อย่างไร
  8. ไม่มีใครที่จะต้องการสินค้าตัวนี้หรอก
  9. รอจนกระทั่งเศรษฐกิจตกต่ำเสียก่อนถึงจะซื้อหุ้นราคาถูกๆ 
  10. ผมยังเด็ก (แก่)เกินไปสำหรับงานนี้
  11. ทำไม่ได้หรอกผมพิสูงให้เห็น

ภาพพจน์  มืด  หมดหวัง ผิดหวัง เศร้าโศก  ล้มเหลว 

วลีซึ่งสร้างภาพของจิตใจที่ใหญ่และเป็นบวก

  1.  เรายังไม่แพ้ พยายามต่อไป นี่คือหนทางใหม่
  2. ผมขาดทุนมาครั้งหนึ่งเป็นความผิดพลาดของผมเอง  ผมจะลองอีกครั้ง  
  3. เท่าที่ผ่านมาผมยังขายไม่ได้  ผมรู้ว่าสินค้าตัวนี้ดี  และผมจะหาวิธีที่จะขายให้ได้
  4. ลองนึกดู  25  เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าเป้าหมายยังไม่ได้ใช้สินค้าตัวนี้  ตลาดยังดี เชื่อผมเถอะ  ไปได้อีกมาก
  5. ลูกค้าเหล่านี้สั่งสินค้าน้อยมาตลอดลองช่วยกันคิดหาทางขายของให้เขามากขึ้น  
  6. ห้าปีก็ไม่นานเกินรอ  ถึงเวลานั้นผมยังมีเวลาที่จะทำงานให้ตำแหน่งสูงอีกตั้ง 30 ปี
  7. คู่แข่งขันแข็งมาก  เราต้องยอมรับแต่ไม่มีใครได้เปรียบทุกด้านเรามาช่วยกันคิดหาวิธีเอาชนะเขาดีกว่า
  8. ในรูปแบบนี้มันอาจจะขายไม่ได้เรามาช่วยกันคิดว่าจะปรับปรุงมันอย่างไร 
  9. ลงทุนเดี๋ยวนี้ดีกว่า  เชื่อเถอะว่าเศรษฐกิจจะดีต่อไปอีกหลายปีเป็นอย่างน้อย
  10. หนุ่ม (แก่) แบบนี้ได้เปรียบมหาศาล
  11. ทำได้แน่  ผมจะพิสูจน์ให้ดู
ภาพพจน์  สดใส  มีความหวัง  ผลสำเร็จ  สนุก  ชัยชนะ
ขอบคุณหนังสือ "คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก"

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เติบใหญ่โดยการคิดใหญ่

เติบใหญ่โดยการคิดใหญ่


      เมื่อคุณเชื่อว่าสิ่งใดเป็นไปไม่ได้ จิตใจของคุณจะทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าทำไมจึงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าคุณเชื่อ เชื่อจริงๆว่าสิ่งใดเป็นได้ จิตใจของคุณก็จะทำงาน และช่วยให้คุณหาหนทางที่จะทำมัน “ผมค้นพบว่ายิ่งคนคนนั้นเป็นคนใหญ่ เขายิ่งมีแนวโน้มที่จะให้คุณเป็นฝ่ายพูด แต่ถ้าเป็นคนเล็ก เขามีแนวโน้มที่จะสวดให้คุณฟัง”

     คนใหญ่ผูกขาดการฟัง คนเล็กผูกขาดการพูด อย่าปล่อยให้ความคิดหลุดไป จงเขียนลงบนกระดาษ
ทุกๆวันความคิดดีๆจำนวนมากเกิดขึ้นและตายไปอย่างรวดเร็ว เพราะมันไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้
สิ่งที่คุณคิด กำหนดสิ่งที่คุณกระทำ, สิ่งที่คุณกระทำ กำหนดสิ่งที่คนอื่นจะมีปฏิกิริยากับคุณ
ในทุกสถานการณ์ของชีวิต ถามตัวเองว่า นี่เป็นวิธีการที่คนสำคัญ(คนที่ประสบความสำเร็จ)คิดใช่หรือไม่?” แล้วเชื่อฟังคำตอบนั้น

     การติดต่อใกล้ชิดกับคนที่มีความทะเยอทะยานสูง จะทำให้คุณอยากไขว่คว้าดวงดาว
อุปสรรคหมายเลขหนึ่งบนถนนสู่ความสำเร็จในระดับสูงก็คือความรู้สึกที่ว่า ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม

  ทัศนคตินี้เกิดจากพลังต้านหลายๆประการที่ชี้นำความคิดของคุณไปสู่ระดับผู้คิดเล็ก คนใหญ่ไม่หัวเราะความคิดใหญ่  เมื่อทัศนคติถูกต้อง ความสามารถของเราจะขึ้นสู่จุดสูงสุด และผลสำเร็จที่งดงามก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะตามมา ถ้าจะกระตุ้นคนอื่นได้ คุณต้องกระตุ้นตนเองเสียก่อน

ผลสำเร็จเกิดขึ้นเป็นสัดส่วนกับความกระตือรือร้นที่ใส่ลงไป มันคุ้มที่จะทำให้คน “เล็ก” รู้สึกเหมือนคนใหญ่  ฝึกขอบคุณด้วยการยิ้มอย่างจริงใจ การยิ้มทำให้คนอื่นสังเกตเห็นและรู้สึกดี

กฏ 10 ข้อสำหรับ ทำให้คนชอบคุณ

1. เรียนรู้ที่จะจำชื่อคน การขาดประสิทธิภาพที่จุดนี้อาจจะแสดงให้เห็นว่าความสนใจของคุณยังไม่ได้เปิดออกไปเพียงพอ
2. เป็นคนที่เป็นกันเอง เพื่อว่าคนที่พบคุณจะได้ไม่เกิดความเครียด
3. ทำตัวให้เป็นคนง่ายๆ เพื่อว่าสิ่งต่างๆจะไม่ทำให้คุณหัวเสีย
4. อย่าอวดดี ระวังการแสดงออกที่จะสร้างความรู้สึกว่าคุณรู้ทุกอย่าง
5. ทำตัวให้น่าสนใจ เพื่อที่ว่าคนที่เกี่ยวข้องกับคุณจะได้บางสิ่งบางอย่างที่มีประโยชน์
6. พยายามที่จะตัดความ “หลุกหลิก” ของบุคลิกภาพของคุณออกไป แม้แต่ส่วนที่คุณอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว
7. พยายามที่จะไกล้เกลี่ยความไม่เข้าใจทุกอย่างที่คุณเคยมีหรือที่กำลังมีอยู่อย่างจริงใจบนพื้นฐานของศาสนา ลืมความขมขื่นให้หมด
8. ฝึกชอบคน จนกระทั่งคุณทำได้จริงๆ
9. อย่าพลาดโอกาสแม้แต่ครั้งเดียวที่จะพูดแสดงความยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น หรือแสดงความเห็นใจในความโศกเศร้าหรือผิดหวัง
10. ให้ขวัญและกำลังใจแก่คน และเขาจะมีความรักต่อคุณอย่างแท้จริง

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

องค์ประกอบของการเล่นเพื่อเป็นผู้ชนะ

องค์ประกอบของการเล่นเพื่อเป็นผู้ชนะ


      สวัสดีครับ ทุกท่าน เป็นยังไงกันบ้างครับ พลังกายและใจอยู่ในสภาวะเปี่ยมพลังหรือไม่ ผมคาดหวังว่า คุณยังคงยิ้มได้อยู่นะ เพื่อให้คุณได้เติมสารสร้างความรู้สึกดีๆให้กับตัวเองอย่างต่อเนื่อง วันนี้ผมจะขอแบ่งปันเรื่องของการทำให้คุณเป็นผู้ชนะในเกมชีวิตของตัวคุณเอง ซึ่งการที่คุณจะเล่นเกมนี้เพื่อเป็นผู้ชนะให้ได้นั้น คุณจำเป็นต้องเข้าใจห้าองค์ประกอบของการเล่นเพื่อเป็นผู้ชนะ ดังนี้ครับ:

1. คุณต้องรู้ว่า ผลของเกมชีวิตออกมาได้สามทางเหมือนเกมกีฬา นั่นคือ คุณเป็นผู้ชนะ เสมอหรือว่าผู้แพ้

       ไม่ว่าคุณจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ชีวิตของคุณจะมีผลลัพธ์ออกมาทางใดทางหนึ่งในสามทางนี้เสมอ นั่นคือคุณเป็นผู้ชนะ มันคือการที่คุณสามารถต่อยอดให้มีชีวิตที่ดีกว่าผู้ให้กำเนิดชีวิตของคุณ หรือคุณทำได้เพียงเท่าทุน ไม่ได้ดีไปกว่าหรือแย่ไปกว่านั้น หรือคุณเป็นผู้แพ้ มีชีวิตที่แย่กว่าตอนที่คุณเริ่มต้นรับผิดชอบชีวิตของตัวคุณเอง

2. คุณต้องรู้และเข้าใจกติกาของการเล่น มีกฎอะไรที่คุณต้องปฏิบัติและมีกฎอะไรที่คุณต้องไม่ปฏิบัติ

      การสร้างและดำรงชีวิตให้อยู่ดีมีสุขได้นั้น คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจกฎกติกามารยาทเสียก่อน ว่ามีการปฏิบัติตัวแบบไหนที่คุณจะได้คะแนนและการปฏิบัติตัวแบบไหนที่คุณจะเสียคะแนน หากคุณมุ่งมั่นปฏิบัติในสิ่งที่คุณได้คะแนนมากกว่า คุณก็มีโอกาสเป็นผู้ชนะได้ แต่หากคุณทำในสิ่งตรงกันข้าม โอกาสที่จะเป็นผู้ชนะของคุณก็จะริบหรี่ลงทุกวัน

3. คุณต้องมีความรู้ ความเข้าใจและมีทักษะความชำนาญในการเล่น

      คุณต้องเริ่มสร้างชีวิตจากเกมที่คุณเลือก จากนั้นเรียนรู้จนเกิดความเข้าใจ และฝึกฝน ลงมือทำจนมีทักษะความชำนาญในการทำสิ่งนั้นๆ เมื่อคุณทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อผู้อื่น จนคุณมีความชำนาญในระดับผู้เชี่ยวชาญ ตลาดที่คุณอยู่ก็จะจ่ายราคาคืนให้กับคุณหลายเท่าตัว สำคัญอยู่ตรงที่คุณมีความอดทนเพียงพอที่จะยืนหยัดในอาชีพหรือธุรกิจจนกว่าคุณจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ หากคุณอดทนยืนหยัดจนถึงจุดนั้น เท่ากับคุณผ่านบททดสอบ ในที่สุด คุณก็จะเป็นผู้ชนะในสิ่งนั้นได้อย่างไม่มีข้อสงสัย

4. คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังแข่งขันกับใคร

      คุณต้องรู้ว่า คุณกำลังแข่งขันกับใคร คู่แข่งของคุณอยู่ในมาตรฐานระดับไหน จุดไหนที่คุณเป็นต่อและจุดไหนที่คุณเป็นรอง เพื่อที่คุณจะได้วางแผนการเล่นได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งการเตรียมยกระดับมาตรฐานของตัวคุณเองไปพร้อมๆกัน ในธุรกิจซัคเซสมอร์ คู่แข่งของคุณก็คือคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายค่ายอื่นๆ ส่วนคนที่ทำธุรกิจซัคเซสมอร์ด้วยกันไม่ว่าจะอยู่สายงานไหน ถือว่าเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของตัวคุณ ถ้าใช้หลักคิดนี้ในการสร้างธุรกิจ คุณก็จะสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันที่ผ่องถ่ายความรู้ ทักษะ พลัง และความ กระตือรือร้นไปมา ทำให้คุณมีอาวุธอันแหลมคม ที่จะชนะคู่แข่งในตลาดได้ ในที่สุด ต่างคนต่างก็อยู่ในวัฏจักรของการหมุนวนสู่การเติบโต

5. คุณต้องมีความตั้งใจเล่นเพื่อที่จะชนะ ไม่ใช่เล่นเพื่อไม่ให้แพ้

        คุณต้องมีจุดมุ่งหมายที่จะเล่นเพื่อให้เป็นผู้ชนะ เพราะการมุ่งที่จะชนะจะทำให้คุณเล่นเต็มร้อย คุณจะสามารถดึงเอาศักยภาพในตัวคุณออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ หากคุณเล่นเพื่อไม่ให้แพ้ คุณก็จะเล่นแบบถนอมตัว สุดท้ายคุณจะไม่ได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดในตัวคุณแก่ผู้อื่นและก็ไม่มีใครให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่คุณเช่นเดียวกัน ดังนั้น หากคุณต้องการชนะในการเปลี่ยนแปลงชีวิต คุณต้องตัดสินใจว่าจะชนะศึกแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดภายในหนึ่งถึงสามปี วางตารางเรียนรู้เข้ม ฝึกฝนเข้มและลงมือทำเข้ม ทำซ้ำๆในสามสิ่งนี้ ในขณะเดียวกัน คุณยังคงไม่ละสายตาไปจากเป้าหมาย ผมมั่นใจว่า ด้วยเครื่องมือแบบซัคเซสมอร์ คุณสามารถเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน

      องค์ประกอบทั้งห้า เป็นหัวใจสำคัญในการทำชีวิตคุณให้มีคุณค่าและเป็นผู้ชนะ เพื่อส่งเสริมให้คุณอยู่ในสถานะที่เกิดมาเป็นคนแล้ว สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตของตัวคุณเอง ต่อชีวิตของคนที่คุณรักและต่อสังคมประเทศชาติที่คุณอาศัยอยู่ ขอเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกท่าน ในการยืนหยัดเป็นผู้ชนะชีวิตให้ได้ครับ

5 เคล็ดลับเพื่อความสำเร็จในการขาย

5 เคล็ดลับเพื่อความสำเร็จในการขาย

1. คนซื้อคนก่อนสินค้า

         มีคนขายสินค้าหรือขายโอกาสทางธุรกิจแบบเดียวกับคุณอยู่เต็มไปหมดในตลาด  ผู้มุ่งหวังมีทางเลือกมากมายในการซื้อและเขาจะซื้อจากคนที่เขารู้สึกดีเท่านั้น  ซึ่งผู้มุ่งหวังจะประเมินคนขายจากบุคลิกภาพ  ความรู้ ความชำนาญ ความเข้าใจที่มีต่อเขา การมีบางสิ่งบางอย่างที่ชอบเหมือนกัน การนำเสนอได้ตรงจุดโดนใจ และสัมผัสแห่งความไว้วางใจ   ดังนั้น  สินค้าตัวแรกที่คุณต้องขายให้ได้ก่อนก็คือตัวคุณนั่นเอง

2. คนไม่ได้ซื้อสินค้า  แต่คนซื้อประโยชน์จากสินค้า

            ผู้มุ่งหวังหรือลูกค้าไม่ได้ต้องการตัวสินค้า แต่ต้องการประโยชน์จากการใช้สินค้านั้นๆ   เขาไม่ได้ซื้อสว่านเจาะ แต่เขาซื้อรูที่สว่านเจาะ   ซึ่งประโยชน์จากการใช้สินค้าที่ลูกค้าต้องการนั้น มี 2 ประเภท  คือประโยชน์จากการใช้งานหรือบริโภคสินค้านั้นๆ และประโยชน์เชิงอารมณ์ความรู้สึก   ดังนั้น หากคุณนำเสนอโดยให้ข้อมูลที่ชัดเจน จนเขาเข้าใจ มองเห็นภาพและเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก อัตราตอบรับในการขายของคุณก็จะสูงขึ้นครับ

3. คนประเมินข้อมูลด้วยเหตุผล แต่ตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์

       เมื่อคุณนำเสนอการขายต่อผู้มุ่งหวัง   ระหว่างฟังคุณนำเสนอ เขาจะเก็บข้อมูลและประเมินผลด้วยหลักเหตุและผล  แต่ลำพังเพียงหลักเหตุและผลไม่สามารถทำให้ผู้มุ่งหวังทำการตัดสินใจซื้อจากคุณได้   คุณจำเป็นต้องเชื่อมต่อไปถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้มุ่งหวัง   ทำให้เขาเกิดความรู้สึกชอบ พอใจ ภูมิใจ มีความหวังและมีความสุขให้ได้   เมื่อไหร่ที่คุณเคลื่อนอารมณ์ของผู้มุ่งหวังมาสู่อารมณ์พึงพอใจต่อตัวเขาเอง ต่อตัวคุณและต่อตัวสินค้าได้   เมื่อนั้นการตัดสินใจซื้อจากคุณก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าครับ

4. คนที่ไม่ซื้อวันนี้ ไม่ได้หมายถึงจะไม่ซื้อตลอดชีวิต

       ผู้มุ่งหวังที่ไม่ตัดสินใจซื้อจากคุณในวันนี้ เกิดจากหลายสาเหตุ              ตั้งแต่ยังไม่มีเงินจริงๆ   ไม่ต้องการสิ่งที่คุณนำเสนอ  หรือไม่เชื่อมั่นในตัวคุณ    อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะปฏิเสธด้วยเหตุความเป็นจริงประการใดก็แล้วแต่ สิ่งที่คุณต้องจำไว้ก็คือ   เขาไม่ซื้อวันนี้ ไม่ได้หมายถึงจะไม่ซื้อตลอดชีวิต  ในแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านไป ชีวิตของเขาอาจมีการเปลี่ยนแปลง   ดังนั้น  หน้าที่สำคัญของคุณก็คือ การทำให้ตัวคุณเป็นนักขายหรือนักธุรกิจมืออาชีพ และยังคงติดตามเขาอย่างเหมาะสม คุณก็จะมีสิทธิชนะใจเขาได้ในไม่วันใดก็วันหนึ่งคับ

5. การขายเป็นเรื่องเดียวกันกับการทำให้คนมีความหวังและเกิดความเชื่อมั่น

       ในขณะที่คุณนำเสนอการขายนั้น หมายถึงคุณกำลังอยู่ในกระบวนการของการทำให้ผู้มุ่งหวังเกิดความหวังที่จะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเขา หรือครอบครัวของเขา   ไม่ว่าจะเป็นความหวังที่เขาจะสวยขึ้น ดูดีขึ้น มีเงินมากขึ้น สุขภาพดีขึ้น มีเกียรติมากขึ้น   รวมไปถึงการมีความสุขมากขึ้น   และ เมื่อคุณทำให้เขามีความหวังแล้ว คุณยังต้องทำให้เขาเกิดความเชื่อมั่นด้วยว่า   การตัดสินใจซื้อจากคุณ จะช่วยให้ความหวังในชีวิตเขาเป็นจริงได้  

   หากคุณทำกระบวนการเคล็ดลับนี้ได้อย่างสมบรูณ์   คุณก็จะสามารถเป็นนักขายผู้ยิ่งใหญ่ได้ครับ.

การสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนทุกระดับ

การสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนทุกระดับ

การสร้างความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายตามที่คุณต้องการนั้น   ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญสูงสุดที่ชี้ขาดความสำเร็จในระยะยาวของคุณเลยทีเดียว   ดังนั้น   วันนี้  Think 2 Rich    จะขอแบ่งปันหลักการในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนทุกระดับ   เพื่อติดอาวุธทางปัญญาที่สำคัญและจำเป็นต่อการสร้างองค์กรขนาดใหญ่    ดังนั้น   หากคุณต้องการเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อผู้อื่น    นี่คือบทความที่คุณต้องอ่านครับ

ผู้อ่านครับ   การที่คุณจะทำเรื่องอะไรก็แล้วแต่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี   คุณต้องประเมินให้ออกว่าหัวใจสำคัญของเรื่องนั้นๆคืออะไร  และในเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นก็เช่นเดียวกัน  หัวใจของสร้างความสัมพันธ์คือการให้ความสำคัญกับผู้อื่น  ทั้งนี้เป็นเพราะการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี  เริ่มต้นขึ้นเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าเขามีคุณค่า และมนุษย์แปลความหมายการเป็นคนสำคัญกับการเป็นคนมีคุณค่านั้นเป็นเรื่องเดียวกัน
เมื่อคุณเข้าใจหลักการหัวใจและแนวคิดการทำให้คนอื่นรู้สึกมีคุณค่าแล้ว   ต่อไปก็ต้องมาเรียนรู้วิธีการสร้างความสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวกัน   คุณจะสร้างความสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวกันได้อย่างไร   มีเพียงคำตอบเดียว  นั่นก็คือการทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเขามีคุณค่า  โดยการทำสิ่งต่อไปนี้ครับ

-การเป็นผู้ฟังที่ดีเวลาอยู่กับผู้อื่น    ซึ่งจะทำให้คุณรู้ว่าพวกเขาให้คุณค่าหรือความสำคัญกับเรื่องอะไรบ้าง  อย่าเป็นผู้พูดขาดการสนทนา  เล่าแต่เรื่องของตัวคุณเองโดยไม่ฟังข้อมูลของคนอื่น  เมื่อคุณเป็นผู้ฟังที่ดี  คุณก็จะรู้ว่าบางคนให้คุณค่าและความสำคัญเกี่ยวกับการมีรายได้ที่มากขึ้น  การดูแลรับผิดชอบชีวิตของคนที่เขารัก  การท่องเที่ยว  สุขภาพ  การมีสังคมที่ดี  การได้รับเกียรติ  หรือการพัฒนาตนเอง   เมื่อคุณจับประเด็นที่ผู้อื่นให้คุณค่าได้  คุณก็ก็จะสามารถออกแบบการสนทนาได้ตรงใจ  ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างคุณกับเขาจะทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิผล

-การซักถามเพื่อค้นหาว่าทำไมพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านั้น

      การซักถามเพิ่มเติมในแนวนี้  จะทำให้คุณเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของเขาได้ง่ายขึ้น   เพราะคำตอบที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มนุษย์ให้คุณค่าจะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก ความผูกพันและความภักดีเสมอ

-การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือความเชื่อที่คุณกับเขามีคล้ายๆกัน

    หลักการพูดคุยเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ที่สำคัญคือ คุณต้องไม่คุยในเรื่องที่คุณกับเขามีความเชื่อที่แตกต่างกัน มองหาจุดร่วมให้เจอ แล้วขยายผลความสัมพันธ์จากความเชื่อที่คล้ายๆกัน   ในที่สุด ความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคุณกับเขาก็จะเกิดขึ้น

-การสร้างความสัมพันธ์จากการมีความเชื่อที่ตรงกัน

   เมื่อคุณค้นพบความเชื่อที่ตรงกันแล้ว   เมื่อคุณใช้เรื่องราวความเชื่อนั้นๆพูดคุยให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น คุณจะได้รับความรู้สึกดีๆจากเขา  ในที่สุด ก็จะพัฒนาจนกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน   ดังนั้น  หากคุณใช้ครบทั้ง 4 หลักการในการพูดคุยเพื่อสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น   คุณก็จะสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสื่อสัมพันธ์ที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดีต่อตัวเองและรู้สึกดีต่อตัวคุณ  จนนำไปสู่การอยู่ร่วมกันเพราะต้องการอยู่เลยทีเดียวครับ

Sale Tips 10 ปุ่มร้อนของผู้มุ่งหวัง กดให้ถูกปุ่ม ก็เพิ่มโอกาสในการขายได้

10 ปุ่มร้อนของผู้มุ่งหวัง  กดให้ถูกปุ่ม  ก็เพิ่มโอกาสในการขายได้

1.       เงิน     สิ่งที่คุณนำเสนอทำให้ผู้มุ่งหวังได้เงินเพิ่มขึ้นหรือประหยัดเงินให้กับเขาหรือไม่
2.       ความมั่นคง   ซื้อสินค้าของคุณ นำพาความมั่นคงและความปลอดภัยให้แก่ผู้มุ่งหวังหรือไม่
3.       การมีคนชอบ    ถ้าเขาใช้สินค้าของคุณ จะมีคนชอบเขามากขึ้นหรือไม่
4.       สถานภาพและศักดิ์ศรี   ใช้สินค้าของคุณแล้ว  ทำให้เขาดูดีมีชาติตระกูล และมีความภาคภูมิใจในตัวเองหรือไม่
5.       สุขภาพ   สินค้าของคุณทำให้เขามีสุขภาพที่ดีขึ้นหรือไม่
6.       การยกย่องและการยอมรับ   ใช้สินค้าของคุณแล้ว เขาจะได้รับเกียรติ  ได้รับการชื่นชม ยกย่องและให้การยอมรับหรือไม่
7.       ความรักและมิตรภาพ    ใช้สินค้าของคุณแล้ว  เขาจะได้เข้าร่วมสังคมที่ดี  มีความรักและมิตรภาพดีๆให้กันและกันหรือไม่
8.       การเป็นนายของตัวเอง   หากตัดสินใจเลือกทางเลือกที่คุณเสนอ  จะทำให้เขามีโอกาสเป็นนายของตัวเอง  ไม่ต้องให้ใครคอยชี้นิ้วสั่งหรือไม่
9.       การพัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเอง   การใช้สินค้าของคุณหรือเข้าร่วมกิจกรรมกับคุณ  ส่งเสริมให้เขาได้มีโอกาสพัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเอง  ให้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น  มีความสามารถที่สูงขึ้นและเป็นคนที่เก่งขึ้นหรือไม่
10.   รางวัลและการเติบโต     สินค้าที่คุณนำเสนอส่งเสริมให้เขาเจริญเติบโตขึ้น   ประสบความสำเร็จมากขึ้นและได้รับรางวัลที่มากขึ้นหรือไม่
    ทั้งหมดที่ว่ามานี้คือ 10 ปุ่มร้อนของผู้มุ่งหวัง   ถ้าคุณประเมินออกว่าใครต้องการปุ่มไหน  เวลานำเสนอโอกาสทางธุรกิจหรือนำเสนอสินค้า  กดให้ถูกปุ่มแล้วขยี้ให้ถึงอารมณ์   คุณก็จะมีสถิติการขายที่ดีขึ้นหลายเท่าตัวครับ

ข้อคิด คำคม

 “  ชีวิตจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง   จนกว่าความเจ็บปวดจากความนิ่งเฉย  จะมากกว่าความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลง
       มนุษย์ทุกคนจะมีพื้นที่ที่ตัวเองสบายใจเมื่อเปรียบเทียบกับการต้องเปลี่ยนแปลง  คนส่วนใหญ่จึงยอมอดทนกับการอยู่กับสภาวะเดิมๆ   แม้ว่าสภาวะนั้นจะไม่ใช่สภาวะที่มีความภาคภูมิใจหรือรู้สึกดีกับตัวเองก็ตาม   อย่างไรก็ตาม  หากใครทนจนมาถึงขั้นพอกันทีกับชีวิตเดิมๆหรือกับสิ่งเดิมๆ  และเข้าถึงอารมณ์แห่งความเจ็บปวดถ้าต้องอยู่ในสภาพเดิม  คนผู้นั้นก็จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเอง  กล้าที่จะเลือกและทำในสิ่งใหม่ๆ

           คุณจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของคนอื่น  เมื่อคุณได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของคุณออกไป
       ในการสร้างความสำเร็จของชีวิตมนุษย์นั้น   หัวใจสำคัญอยู่ที่การสร้างสมดุลของการเป็นผู้ให้และเป็นผู้รับ
หากเราให้อย่างเดียวโดยไม่เป็นผู้รับที่ดี  ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ  และที่หนักไปกว่านั้นก็คือ  หากเราจ้องจะเป็นผู้รับอย่างเดียวโดยไม่ยอมเป็นผู้ให้เลย  ก็ยิ่งยากกว่า   ดังนั้น  ความสำเร็จของคุณจึงเริ่มจากการเป็นผู้ให้ของคุณก่อน  และหากคุณให้สิ่งที่ดีที่สุดในตัวคุณแก่คนอื่นหรือแก่ตลาดที่คุณให้บริการ     ในเชิงผลสะท้อนกลับนั้น  คนอื่นหรือตลาดก็จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดกลับคืนมาให้แก่คุณเช่นเดียวกัน  ในทางตรงกันข้าม  หากคุณกั๊กไม่จริงใจและเล่นไม่เต็มร้อย  คุณก็จะได้รับกลับไม่เต็มร้อยเช่นเดียวกัน

          ชีวิตเหมือนภาพเขียนขนาดใหญ่  และคุณควรใช้สีทั้งหมดที่คุณมีสร้างสรรค์มันขึ้นมา

      ชีวิตที่ดีในแบบที่คุณต้องการ  คุณต้องเป็นคนออกแบบและวาดภาพออกมาให้ได้   เปรียบไปก็เหมือนกับการวาดภาพขนาดใหญ่  ที่จะต้องมีองค์ประกอบของภาพหลายๆส่วน  การจะวาดภาพให้สวยงามและมีความหมายที่ดีนั้น นอกจากคุณจะต้องมีฝีมือในการวาดภาพแล้ว  คุณยังต้องใช้สีที่คุณมีทั้งหมดเพื่อสร้างสรรค์งานอย่างเต็มที่   เช่นเดียวกัน  ในขณะที่คุณกำลังขึ้นรูปชีวิตของคุณ  คุณก็ต้องดึงศักยภาพของคุณออกมาใช้อย่างเต็มที่  เพื่อให้คุณกลายเป็นคนที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถเป็นได้

ความคิด : 9 พื้นฐานสำคัญสู่ความสำเร็จในชีวิต

 “ความคิด 9 พื้นฐานสำคัญสู่ความสำเร็จในชีวิต“ 


    1.จงทำให้ตัวคุณหลงใหลในธุรกิจ
           หากคุณรักในธุรกิจที่คุณทำจนถึงขั้นหลงใหล  คุณจะมีความรู้สึกดีกับตัวคุณเอง  กับคนที่คุณเกี่ยวข้องด้วยในธุรกิจคุณจะรู้สึกดีต่อบริษัท  ต่อสินค้า  ต่อกิจกรรมที่จัดขึ้นมาและต่อเนื้องานที่คุณทำในแต่ละวัน   ลองคิดถึงอารมณ์แห่งความหลงใหลบางสิ่งบางอย่างที่ผ่านมาของคุณดู  คุณจะยอมให้เวลากับสิ่งนั้นอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย  คุณมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้  เมื่อได้ทำในสิ่งนั้นๆ   คุณจะยอมทุ่มเทพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้นและเก่งขึ้น  คุณไม่เคยรู้สึกฝืนใจ มีแต่อารมณ์ความต้องการและถวิลหาที่จะทำ  ถ้าคุณทำให้ตัวเองหลงใหลในธุรกิจได้  คุณก็จะมีพลังในการขับเคลื่อนแบบสุดๆไปเลย

 2.จงตัดสินใจให้แน่นอนว่า คุณต้องการอะไร
       การตัดสินใจให้แน่นอนว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ  จะทำให้คุณมีทิศทางและความชัดเจน  ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้คุณเตรียมการ  ยอมทุ่มเทและยืนหยัดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

3.จงหนุนเป้าหมายด้วยการไม่ยอมแพ้และมุ่งมั่น
       เมื่อคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว  คุณต้องยืนหยัดโดยการทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องทำเพื่อให้คุณเคลื่อนไปข้างหน้า
การที่คุณไม่ยอมแพ้และยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง  ถือเป็นอุปนิสัยสำคัญที่จะส่งเสริมให้คุณประสบความสำเร็จ

4.จงทุ่มเทให้กับการเรียนรู้ตลอดชีวิต
       คนทุกคนในโลกใบนี้  ยังมีสิ่งที่ควรเรียนรู้อีกมากมาย  หากต้องการความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่  คุณจึงควรเรียนรู้ในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความสำเร็จของชีวิตของคุณอย่างต่อเนื่อง  เมื่อคุณยกระดับความสามารถของตนเอง  คุณก็จะส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้อื่นได้มากขึ้นและความสำเร็จของคุณก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

5.จงใช้เวลาของคุณอย่างคุ้มค่า
       ทุกคนได้รับเวลามาเท่ากันต่อวัน  หากคุณใช้เวลาอย่างไม่คุ้มค่า  ใช้ไปกับกิจกรรมที่ไม่ส่งเสริมความก้าวหน้าให้กับตัวคุณ
คุณจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต  ดังนั้น  คุณจึงต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด  จงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับกิจกรรมที่ทำให้คุณเคลื่อนที่ไปเข้าใกล้เป้าหมายของคุณทุกๆวัน

6.จงทำตามผู้นำ
     คุณต้องเลือกผู้นำที่เป็นแบบอย่างแห่งความสำเร็จในดวงใจของคุณ  จากนั้นจงทำตามผู้นำ ทั้งการคิด  การพูด การใช้เวลาและการลงมือทำ  เพื่อให้คุณสามารถกลายเป็นผู้นำรุ่นถัดไปและมีคนอื่นมองคุณเป็นต้นแบบต่อไป

7.บุคลิกลักษณะคือทุกสิ่งทุกอย่าง
        คุณลักษณะในตัวคุณที่แสดงออกมาเป็นบุคลิกเป็นตัวกำหนดความสำเร็จในตัวคุณ  คุณมีบุคลิกลักษณะที่น่าเชื่อถือหรือไม่  ไว้วางใจได้ขนาดไหน  มีความซื่อสัตย์หรือไม่  เป็นผู้ฟังที่ดีระดับไหน  ใจสู้หรือเปล่า ล้วนแล้วแต่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างความสำเร็จของตัวคุณทั้งสิ้น

8.ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ
     หากคุณเป็นผู้ให้ก่อน  คุณย่อมได้ใจคน  ในที่สุดคุณย่อมได้รับกลับ  หากคุณจ้องจะเอาจากคนอื่น  ก็จะไม่มีใครทนอยู่กับคุณได้นาน

9.ยอมจ่ายราคา
      คุณต้องจ่ายราคาในรูปของการมุ่งมั่นเรียนรู้  การลงมือทำงานหนัก  การยืนหยัด การพัฒนาอุปนิสัยที่ดี และการเอาชนะอุปสรรคปัญหาที่ท้าทายคุณ   หากคุณไม่ยอมจ่ายสิ่งเหล่านี้ก่อน  คุณก็จะไม่ได้รับการคืนกลับในรูปของความสำเร็จ

     ลองให้คะแนนตัวคุณเองแบบไม่เข้าข้างดูครับว่า  ถ้าแต่ละพื้นฐานสำคัญคะแนนเต็มสิบ  คุณให้คะแนนตัวเองข้อละกี่คะแนนครับ

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ข้อคิดเพื่อความสำเร็จ

ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปที่จะเป็นในสิ่งที่คุณอยากจะเป็น
    ทุกๆคนสามารถเริ่มต้นที่จะสร้างชีวิตใหม่ตามที่คุณต้องการได้เสมอ และเวลาสำหรับการเริ่มต้นใหม่ที่ดีที่สุดคือ เดี๋ยวนี้ไม่ว่าปัจจุบันคุณจะอายุเท่าไหร่  คุณก็ยังสามารถเริ่มต้นใหม่ได้  ไม่มีคำว่าสายเกินไป เพราะมันคือจุดเริ่มที่จะทำให้คุณมีชีวิตตามแบบที่คุณอยากจะเป็น เมื่อคุณเคลื่อนตัวคุณไปในทิศทางที่ดีขึ้น  จึงมีแต่ชีวิตที่ดีกว่าชีวิตที่ผ่านมาเท่านั้น   ดังนั้น  จงเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงจากจุดที่คุณอยู่ในปัจจุบันเพื่อก้าวไปสู่จุดในอนาคตที่คุณต้องการยืน  ไม่มีคำว่าสายเกินไปอย่างแน่นอน

  จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ที่คุณมี
       ความรู้ที่คุณมี แม้เป็นสิ่งจำเป็น  แต่มันไม่ใช่ตัวสร้างชีวิตที่สุดยอดให้แก่คุณ เพราะความรู้ไม่ได้กำหนดทิศทางชีวิตให้คุณก้าวเดิน  ตัวกำหนดทิศทางชีวิตให้ก้าวเดินเราเรียกมันว่าวิสัยทัศน์  ซึ่งมาจากการจินตนาการถึงภาพในอนาคตที่คุณต้องการให้มันเป็น   คนที่มีจินตนาการสามารถมองเห็นภาพวิสัยทัศน์ชัดเจน  จึงทำให้รู้ทิศทางที่จะมุ่งไปอย่างชัดเจน  ทำให้การใช้ความรู้ที่มีอยู่ของคุณส่งเสริมให้ชีวิตคุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมีจุดมุ่งหมาย ดังนั้น  หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต  คุณจึงจำเป็นต้องมีจินตนาการเกี่ยวกับชีวิตที่คุณต้องการเป็นก่อน  เพราะจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ครับ

"การกระทำตัดสินคุณเท่าๆกับที่คุณตัดสินใจกระทำ
        ในการสร้างความสำเร็จของชีวิตนั้น  คุณต้องเริ่มจากการตัดสินใจกระทำในสิ่งที่ส่งเสริมให้คุณประสบความสำเร็จก่อน  การตัดสินใจมันไม่ใช่ระดับแค่สนใจ ซึ่งแน่นอนที่สุด  ต้องผ่านการคิดไตร่ตรองแล้วเทใจที่จะมุ่งมั่นทำในสิ่งนั้นๆ  และเมื่อคุณตัดสินใจแน่นอนแล้ว  คุณจะใส่พลังลงไปในการกระทำ  คุณจะกล้ายืนหยัดต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาอย่างไม่ย่อท้อ  ในที่สุดการกระทำที่คุณทำอย่างต่อเนื่อง  จะตัดสินใจหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวคุณ  ตัวคุณกับการกระทำเป็นหนึ่งเดียวกัน  จนกลายเป็นการกระทำที่มีความเป็นธรรมชาติ  คุณก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ได้

ทุนเรียนต่อเมืองนอก

E-Book แนะนำ รองรับโทรศัพท์มือถือ


กรอกข้อมูลเพื่อรับสิทธิพิเศษ