ถ้าจิตใจของคุณเต็มไปด้วยความคาดหวัง สงสัยและไม่เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองในการนำเอาพลังงานอัจฉริยภาพแห่งจักรวาลมาใช้ คุณก็จะไม่สามารถใช้พลังงานนั้นได้ กฎของการเสนอแนะตัวเองจะนำพาความไม่เชื่อและความสงสัยให้จิตใต้สำนึกแปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นจริง เหมือนกระแสลมที่พัดพาเรือลำหนึ่งไปทางตะวันออก แต่พัดพาเรืออีกลำไปตะวันตก
กฎแห่งการเสนอแนะตัวเองนั้นจะยกระดับคุณขึ้นหรือลงก็ได้ ซึ่งเป็นไปตามวิถีความคิดของคุณเอง
กฎแห่งการเสนอแนะตัวเอง ทำให้บางคนยกระดับตัวเองไปสู่ความสำเร็จได้
เหมือนอย่างที่บทกวีนี้ได้พรรณนาไว้ โปรดสังเกตการใช้ถ้อยคำแล้วคุณจะเข้าใจความหมายลึกซึ้ง
ถ้าคุณ คิด ว่าคุณล้มเหลว คุณก็จะเป็นตามนั้น
ถ้าคุณ คิด ว่าคุณไม่กล้า คุณก็จะไม่กล้า
ถ้าคุณอยากจะชนะ แต่กลับ คิด ว่าตัวเองไม่สามารถชนะได้
ก็ค่อนข้างแน่นอนว่าคุณจะไม่ชนะ
ถ้าคุณ คิด ว่าคุณจะพ่ายแพ้ คุณก็แพ้
เหนือสิ่งอื่นใดที่เราค้นพบ
ความสำเร็จเริ่มต้นจากความตั้งใจ
และทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ ในใจของเรานี่เอง
ถ้าคุณ คิด ว่าตัวเองเหนือชั้น คุณก็เป็นเช่นนั้น
คุณต้อง คิด ให้ไกลและไปให้ถึง
คุณต้อง มั่นใจในตัวเอง ก่อน จึงจะได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จ
สงครามชีวิตไม่ได้มุ่งสู่ผู้ที่เข้มแข็งกว่า และรวดเร็วกว่าเสมอไป
เพราะไม่ช้าก็เร็วผู้ชนะที่แท้จริงก็คือ คนที่ คิด ว่าเขาทำได้
ถ้าคุณปรารถนาพลังแห่งศรัทธานี้ จงเรียนรู้จากผู้ที่เปี่ยมด้วยศรัทธาและประสบความสำเร็จ พื้นฐานของคริสเตียนคือความเชื่อ อาจมีผู้คนมากมายเข้าใจพลังอันยิ่งใหญ่ผิดไป แต่มหัศจรรย์แห่งคำสั่งสอนและความสำเร็จของพระคริสต์นั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าศรัทธา
ถ้ามีปรากฏการณ์แห่งความอัศจรรย์แก่จิตใจก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากศรัทธาทั้งสิ้น มหาตมะคานธี ของอินเดีย เป็นหนึ่งในตัวอย่างอันน่าอัศจรรย์ของศรัทธาคานธีใช้พลังอำนาจได้มากกว่าผู้ใดในยุคสมัยเดียวกัน และเขามีพลังอำนาจ ทั้งๆที่เขาไม่มีเครื่องมือแห่งอำนาจเหมือนคนทั่วๆไป เช่น เงินทอง อาวุธ
กำลังทหารและยุทธปัจจัย คานธีไม่มีเงิน ไม่มีแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ แต่เขามีพลัง
พลังอำนาจของเขามาจากไหนกัน? เขาสรรค์สร้างมันมาจากความเข้าใจในหลักการแห่งศรัทธา และผ่านศักยภาพของเขาในการที่จะปลูกฝังศรัทธานั้นเข้าไปในจิตใจและผู้คนสองร้อยล้านคน คานธีสร้างศรัทธาที่น่าอัศจรรย์ทำให้คนสองร้อยล้านคนรวมตัวกัน และขับเคลื่อนไปสู่ชาติด้วยน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
จะมีพลังอื่นใดในโลกทำเช่นนี้ได้นอกจากศรัทธา?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น